ไปนิพพานชาตินี้กันเถอะ[01]


รู้สึกว่า ท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชนนี่ มีสาวกและผู้ติดตามพอสมควร มีคนใช้นามแฝงว่า nouk เอาเนื้อหาส่วนหนึ่งของหนังสือ “นิพพานชาตินี้กันเถอะ” ไปลงในเว็บพลังจิต

คุณ nouk ตั้งชื่อว่า “ไปนิพพานชาตินี้กันเถอะ” ผมเห็นว่ามีเนื้อหาที่จะนำมาวิพากษ์วิจารณ์และชี้ให้เห็นถึงสันดานของท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชนได้ดี

จึงเอามาวิพากษ์วิจารณ์เพื่อให้เกิดความประเทืองปัญญากัน

ข้อความส่วนนำของบทความ “ไปนิพพานชาตินี้กันเถอะ” มีดังนี้

สัญญาณความรู้จากจิตผู้บริสุทธิ์องค์ปฐม“จงเบื่อหน่ายการเรียนรู้ รีบกลับสู่แดนทิพย์นิพพานกันเถอะลูกเอ้ย”

“มนุษย์ธรรมดาสามัญก็นิพพานได้ นำจิตสู่แดนทิพย์อมตะสุขสวรรค์ นิรันดรได้ ไปได้ทุกคน ทุกเชื้อชาติ ศาสนา ทุกดวงจิต ไม่ต้องออกจากเรือน

ไม่ต้องไปเป็นนักบวช หรือมุ่งเน้นการปฏิบัติทางกาย ไม่ต้องเป็นพระภิกษุก่อน ถึงจะได้คำว่านิพพาน

จงทำจิตให้แจ้ง ให้เข้าใจถึงความจริงของธรรมชาติ เข้าสู่สถานที่ไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ และตาย ด้วยวิธีง่ายๆ ลัดๆ สั้นๆ ด้วยการตั้ง จิตอธิษฐานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนะลูกเอ้ย...”

ก่อนที่ผมจะวิพากษ์วิจารณ์เนื้อหาของบทความ “ไปนิพพานชาตินี้กันเถอะ” ขอวิพากษ์วิจารณ์ความเห็นของผู้อ่านก่อน

จะเลือกมาวิพากษ์วิจารณ์เฉพาะที่เห็นว่าน่าสนใจเท่านั้น

พอ คุณ nouk เอาเนื้อหามาลงปุ๊ป คุณ bluebaby2 ก็มาให้ความเห็นก่อนคนอื่นเลย ดังนี้

“อนุโมทนาบุญธรรมทานครับ”

ผมไม่รู้ว่า คุณ bluebaby2 เป็นหน้าม้าหรือหน้าหมาให้คุณ nouk หรือเปล่า 

ถ้า คุณ bluebaby2 ไม่ได้เป็นหน้าม้าหรือหน้าหมาให้คุณ nouk  คือ ให้ความเห็นโดยบริสุทธิใจ  คุณ bluebaby2 นี่มันก็สมองหมา ปัญญาควายของแท้ ตัวจริงเสียงจริง

ไม่ได้ดูหรือพิจารณาเลยว่า ที่คนมันเขียนมา หรือเอามาลงนั้น ถูกต้องตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่  ก็อนุโมทนาตะพึดตะพือ 

ปัญหาที่จะเกิดก็คือ ไปอนุโมทนากับคนผิด มันก็จะไปอบายภูมิด้วยกัน พูดให้ง่ายๆ ชัดๆ ก็คือ มึงก็ตามไปอนุโมทนากันในนรกต่อไปก็แล้วกัน

ต่อไปคุณ starcom131045 เข้ามาให้ความเห็น ดังนี้

เท่าที่ทราบนะครับ ถ้านิพานเอง เรียกพระปัจเจกพุทธเจ้า ถ้านิพานแล้ว เผยแพ่รคำสอน เรียกพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้านิพานเพราะคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกอรหันต์สาวก

เคยมีคำถามถามว่า ศาสนาที่ไม่ใช้พุทธ หรือไม่นับถือศาาสนาได จะนิพานได้ไหม มีคำตอบจากพระสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ไม่มีพระรัตนไตรย่อมไม่พบนิพานที่เคยทราบมาครับ

คุณ starcom131045 แกเขียนมากกว่านี้ แต่ที่เหลือๆ แกก็บ่นของแกไป  แต่หลักๆ แล้ว คุณ starcom131045 ท่านนี้ ท่านเข้าใจหลักการของศาสนาพุทธพอสมควรเลยทีเดียว

และท่านก็ไม่เห็นด้วยกับ นิพพานชาตินี้แบบแดกด่วนของท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชน

แต่ความรู้ในด้านภาษาของท่านไม่ดีนัก ท่านจึงให้ความเห็นโต้แย้งได้ไม่ชัดเจน

ต่อไปมีคนให้ความเห็นอีก 2 คน ซึ่งน่าจะเป็นสาวกของท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชน

คุณ justonelife

ผมเองก็ปารถนานิพพานในชาตินี้ ไม่อยากเกิด ไม่อยากใด้ใคร่มีอีก เบื่อหน่ายชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวัน
ผมบอกตามตรงว่า สังเวชชีวิตที่เกิดมาที่ต้องวนเวียนเป็นอยู่อย่างนี้ไม่จบไม่สิ้น

ผมขอส่งแรงใจส่งบุญ และขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และ พระอริยสงฆ์เจ้า อีกทั้งอนิสงค์ผลบุญทั้งหลายที่ได้บำเพ็ญมาแต่ในอดีตชาตินับแต่อสงไขยชาติแรกจนถึงชาติปัจจุบันวันนี้

ขอส่งให้พวกท่านทั้งหลายที่ปารถนานิพพานในชาตินี้ได้ไปถึงฝั่งนิพพานด้วยกันทุกท่าน เทอญ

คุณ JETTO
ทำจิตให้มุ่งนิพพานกันเถอะค่ะ

ความเห็นของทั้ง 2 ท่านข้างต้นนั้น แสดงให้เห็นถึง “ความแดกด่วน” (fast food) ที่เกิดจากวงการอาหารก่อน ได้ลามปามเข้ามาถึงวงการศาสนาเรียบร้อยแล้ว

พวกที่ต้องการไปนิพพานอย่างแดกด่วน ขี้เกียจปฏิบัติธรรม ขี้เกียจอ่านหนังสือ พอได้ยินได้ฟังว่า เพียงตั้งจิตอยากเป็นนิพพาน ก็ไปนิพพานได้แล้ว  พวกนี้ก็มาสมัครกันเป็นสมาชิกกันใหญ่

ปัญหาที่เกิดก็คือ “มันเป็นไปไม่ได้” ถ้าแค่ตั้งจิตไปนิพพานได้ ป่านนี้ คนไทยก็ไปนิพพานกันหมดแล้ว 

บารมีนั้น หมายถึง ปฏิปทาอันยวดยิ่ง คุณธรรมที่ประพฤติปฏิบัติอย่างยิ่งยวด คือ ความดีที่บำเพ็ญอย่างพิเศษ เพื่อบรรลุซึ่งจุดหมายอันสูง เช่น พระพุทธเจ้า พระอสีติมหาสาวก เป็นต้น

ในนิกายเถรวาทมี 10 อย่าง จึงเรียกว่า ทศบารมี หรือ บารมี ๑๐ คือ กำลังใจที่ต้องทำให้เต็ม ไม่พร่อง 10 นี้ได้แก่

- ทาน การให้
- ศีล การรักษาศีลให้เป็นปกติ
- เนกขัมมะ การออกจากกาม
- ปัญญา ความรู้
- วิริยะ ความเพียร
- ขันติ ความอดทนอดกลั้น
- สัจจะ ความตั้งใจจริง เอาจริง จริงใจ
- อธิษฐาน ความตั้งใจมั่น ไม่เปลี่ยนแปลง
- เมตตา ความรักด้วยความปรานี
- อุเบกขา ความวางเฉย

ถ้าทำเพียงตั้งจิตที่จะไปนิพพาน ก็เข้าข่าย “อธิษฐาน” บารมีเท่านั้น แล้วจะไปนิพพานได้อย่างไร

นี่แค่บารมีธรรมดาเท่านั้น  ยังจะต้องมีอุปบารมีกับปรัมัตถบารมีอีก รวมเป็นบารมี 30 ทัศ

ต่อไป คุณ warachai_s ได้เข้ามาให้ความเห็นแย้ง ดังนี้

ขออนุญาติโพสหน่อยน่ะครับ

เดี๋ยวนี้มีลัทธิแปลกๆ ตั้งตนเองเป็น ผู้สื่อสารกับสมเด็จพ่อองค์ปฐมต้นฯและที่สำคัญคือ มีพ่อสมเด็จองค์ปฐมอีก ที่พวกเขาเรียกกันว่า " บรมบิดาสวรรค์ "

มันไม่ต่างอะไรกับ พระเจ้า ของศาสนาคริสต์เลย

ขอให้พวกเราลูกศิษย์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ได้ตระหนักถึงพวกม้อดปลวกที่จะมาทำลายพระศาสนา ตอนนี้เยอะมากครับ

ใช้กลเม็ดวิธีการแจกหนังสือ จับเข้าล้อมวงเชิญชวนบ้างว่าให้ไปพระนิพพานในชาตินี้ เป็นต้น

ส่วนตัวผมเองตั้งใจไปอยู่แล้วครับชาตินี้ (จริงหรือเปล่าหนอ)

ความเห็นของคุณ warachai_s ใช้ได้เลยทีเดียว ที่ที่เข้าใจผิดกันก็คือ ที่หรือฤาษีลิงดำเรียกว่า “สมเด็จองค์ปฐม” นั้น  ไม่ใช่พระพุทธเจ้า แต่เป็น “จักรพรรดิ

ผมก็ยังไม่ได้สืบเสาะว่า “จักรพรรดิ” ที่ฤาษีลิงดำเรียกว่า “สมเด็จองค์ปฐม” เป็นจักรพรรดิในระดับไหน

จักรพรรดินี้สามารถบรรลุมรรคผลนิพพาน และมาสอนมนุษย์ในโลกได้เหมือนกับพระพุทธเจ้า

ในยุคที่มีจักรพรรดิมาทำหน้าที่เผยแพร่ศาสนาพุทธนั้น ในยุคนั้น จะไม่มีพระพุทธเจ้า เรื่องนี้ขอให้ไปอ่านในไตรภูมิพระร่วงเอาเอง

หลังจากที่คุณ warachai_s ออกมาให้ความเห็นแย้งแล้ว  คุณ nouk ก็มาให้ความเห็นอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้

ใช่ค่ะ ลัทธิต่างๆ ได้เข้ามาในประเทศไทยนานแล้ว และแพร่หลายเป็นกลุ่มๆ แต่ในอดีตการสื่อสารยังไม่กว้างไกล จึงมีผู้รู้เฉพาะเท่านั้น

แต่ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ด้วยระบบไอที จึงทำให้สามารถเผยแพร่ได้อย่างรวดเร็ว และเนื่องเพราะชาวพุทธ ยังไม่เข้าใจธรรมะอย่างแท้จริง จึงทำให้หลงทางไปกันมาก

แต่ละลัทธิก็จะนำสิ่งสูงสุดในศาสนามาอ้าง เพื่อโนมน้าวดึงดูดบุคคลต่างๆ ให้เข้าร่วมลัทธิ

สำหรับบทความด้านบนที่นำมาให้อ่านนั้น มีเจตนาเพียงต้องการให้เพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้ระลึกถึงเรื่องนิพพานเป็นหลักในการปฏิบัติธรรม

ไม่ใช่เน้นปฏิบัติเพื่อให้ได้ฤทธิ์เพียงอย่างเดียว เพราะนั่นเป็นเพียงโลกิยะ

แต่ถึงอย่างไร การที่นักปฏิบัติจะก้าวล่วงไปสู่โลกุตตระ ก็ต้องผ่านด่านโลกิยะอยู่ดี แต่ขอให้แค่ผ่านอย่าไปยึดติด และให้มองว่านิพพานไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนักปฏิบัติ หากท่านทั้งหลายมุ่งมั่นอย่างแท้จริง ไม่ได้ถูกย้อมด้วยอวิชชา

ส่วนสมเด็จองค์ปฐมนั้น เป็นเรื่องอจิณไตย ซึ่งไม่ต้องเป็นลัทธิก็นำมากล่าวอ้างกัน อย่างเช่น หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านก็ยังกล่าวถึงสมเด็จองค์ปฐม

เรื่องแสงทิพย์พระนิพพานเป็นเรื่องจริงค่ะ เพราะได้ประสบมากับตัวเอง ไม่ใช่อิทธิฤทธิ์ปฏิหาริย์นะ แต่สิ่งนี้ทำให้จิตเกาะแต่นิพพาน ไม่ต้องการการเวียนว่ายตายเกิดอีก

ดิฉันเคยทดลองนั่งสมาธิกำหนดจิตขอรับแสงทิพย์นิพพาน

หลังจากนั้น ก็สังเกตตัวเอง หลายๆ ครั้งที่ถูกผัสสะต่างๆ มากระทบแรงๆ จิตมักจะนิ่ง เพราะเห็นว่าเป็นธรรมดาของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป วนเวียนอย่างนี้ไม่สิ้นสุด จนกระทั่งเบื่อหน่ายกับการตายแล้วเกิดประจำวัน

คุณรู้มั้ยคนเราเกิด-ดับกันวันละเท่าไหร่ ไม่ใช่คนอื่นนะ ตัวเองนี่แหละ กิเลสมันเกิดขึ้น มันตั้งอยู่ มันดับไปวันละกี่ครั้ง เหนื่อยมั้ย

สำหรับดิฉันรู้สึกเหนื่อยมาก เบื่อมาก จึงมุ่งหวังนิพพานในชาตินี้ เลิกเป็นคนบ้ากันได้แล้ว เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้

ผมค่อนข้างอยากจะลงความเห็นว่า อีนางคุณ nouk นี่มัน “ตอแหล” จริงๆ  “ตอแหล” ตัวจริงเสียงจริง เป็นนักการเมืองได้เลย

คุณ warachai_s เขาให้ความเห็น “แย้ง” ชัดๆ  อีนางคุณ nouk  “ตอแหล” นี่  มันก็มั่วนิ่มทำเออออห่อหมกไปได้

เหมือนนายกรัฐมนตรีประเทศไหนก็ไม่รู้..............


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น