กูคือคนธรรมดาที่บ้าไปแล้ว

ในบทความ "ท่าน ช. นิพพานชาตินี้เปลี่ยนไป๋"  ผมได้กล่าวไปแล้วว่า ไอ้ท่าน ช. นิพพานชาตินี้กันเถอะ  พยายามพัฒนาการหลอกลวงให้ดูดีมีมาตรฐานยิ่งขึ้น

จากการที่ไปอ้าง "หลวงพ่อปาน", "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" แบบมั่วนิ่ม เพราะ ไอ้ท่าน ช. ตัวนี้ ไม่เคยพบท่านทั้งสองเลย   อ้างว่า อ่านหนังสือแล้วก็มีอภิญญาห่าเหวอะไรของมันไปเลย

ก็มาเป็นการอ้างถึงพระพุทธเจ้าแต่เพียงอย่างเดียว

อย่างไรก็ดี  ความโง่ ความบ้าของท่าน ช. มันก็ต้องมีประเด็นที่จะชี้ให้ถูกความหลอกลวงของมันจนได้   เพราะ มันเสือกไปหลอกลวงผิดๆ ที่ว่า "นิพพานชาตินี้กันเถอะ" นั่นแหละ

คนไทยเชื่อเรื่องนิพพาน อยากไปนิพพาน ที่คนไทยเขารู้ว่า "มันไปได้ยาก" มันไม่ได้ง่าย อย่างที่มึงว่าเลย ไอ้ ช.

วันนี้ เรามาดูการพยายามที่จะหลอกลวงประชาชนของไอ้ ท่าน ช. ผู้นี้ ในหน้าเว็บชื่อ "นิพพาน"  กันต่อ

กูคือ ฅนธรรมดา ขอนำท่านผู้อ่านเข้าสู่ ความรู้สู่ความพ้นทุกข์ ในรูปแบบการเผยแผ่ความรู้สู่ความพ้นทุกข์อย่างง่ายๆ ลัด ๆ สั้น ๆ ตามแบบฉบับของกูคือ ฅนธรรมดา "นิพพานชาตินี้กันเถอะ"

อยากจะบอกว่า ไอ้ท่าน ช. นิพพานชาตินี้กันเถอะ "กูคือ ฅนธรรมดา" ว่ามึงนั้น เป็นคนธรรมดาแบบบ้าอย่างควายว่ะ

คือ มันบ้า มันโง่แบบควายปัญญาอ่อน  มันก็จะพยามยามจะหลอกลวงคนอื่นด้วยมันสมองแบบควายๆ อย่างที่มันคิด

แรกๆ อาจจะมีคนมาลองของแปลกกันมากหน่อย  แต่ต่อมาเขาต้องรู้ว่า "มึงบ้า" เขาจึงหนีกันไปหมด

คำพูดประโยคนี้ แค่เป็นสื่อสมมุติให้คนสนใจเรื่อง "นิพพาน”

การนึก หรือพูดคำว่า นิพพาน เมื่อไหร่ ก็ถือว่าท่านกำลังระลึกนึกถึงนิพพานเป็นอารมณ์ (อุปสมานุสติกรรมฐาน)

อันนี้ก็ไม่จริง   อุปสมานุสสติอยู่ในสมถกรรมฐาน 40  คืออยู่ในอนุสสติ 10 

การที่จะฝึกกรรมฐานที่ว่า "อุปสมานุสสติกรรมฐาน"  เราต้องอยู่ในการฝึกสมถกรรมฐาน แล้วระลึกถึงอายตนะนิพพาน

การพูดถึงนิพพาน หรือการนึกถึงนิพพานอย่างที่ไอ้ท่าน ช. ว่ามานั้นไม่ใช่ "อุปสมานุสสติกรรมฐาน"  แน่ๆ

ณ วันนี้คนที่ชื่อ กูคือ ฅนธรรมดา กล้าที่จะประกาศต่อหน้าฟ้าดินว่า “ไม่เกิดแล้ว"

"ผมคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา" ก็ขอประกาศต่อหน้าจอคอมพิวเตอร์ว่า ไอ้ท่าน ช. นิพพานชาตินี้กันเถอะ มันต้องเกิดแน่ๆ

เมื่อมันตาย มันจะไปอบายภูมิก่อนเลย นรก-เปรต-อสุรกาย-เดรัจฉาน ไอ้ท่าน ช. นิพพานชาตินี้กันเถอะ มันจะไปเวียนตายเวียนเกิดอีกนานแสนนาน

แล้วมันต้องเกิดมาเป็นคนอีก ด้วยเศษกรรมของมันที่พยายามหลอกคน มันก็จะถูกเขาหลอกไปอีกนับภพ นับชาติไม่ถ้วน

มีจิตใจเคารพ ศรัทธาต่อความดีขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จอมศาสดาเอกของโลก พระองค์กล้าสละความเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ สละทุกอย่างออกบวช จนรู้แจ้งในเหตุแห่งธรรมทั้งปวง

บัดนี้ ฅนธรรมดา ได้เข้าใจในความประสงค์ของพระพุทธเจ้าเช่นกัน จึงมุ่งเน้นพูดหรือบรรยายเฉพาะหัวข้อที่เป็นแก่น  เนื้อๆ เท่านั้น ไม่เอาเนื้อเน่า หรือน้ำมาพูดกันอีกต่อไป

แม้แต่คำว่า  “ มรรค ๘ ” แปลว่า การดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง ๘ ข้อ ไม่ต้องไปอ่านว่า มรรคมีองค์แปดให้มันยุ่งยาก

อ้าว...ไอ้สันขวานเขียนอย่างนี้ได้อย่างไร  

มึงว่ามึงเคารพศรัทธาพระพุทธเจ้า  มรรค 8 นั้น พระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบ แล้วทรงนำมาสั่งสอนประชาชน  มึงจะ "ไม่ต้องไปอ่านว่า มรรคมีองค์แปดให้มันยุ่งยาก" ไอ้อย่างไร

มึงไม่เข้าใจมรรค 8  มึงไม่รู้จักมรรค 8 แล้วมึงจะบรรลุพระอรหันต์ได้อย่างไร  

ไอ้ที่ว่า "ฅนธรรมดา ได้เข้าใจในความประสงค์ของพระพุทธเจ้าเช่นกัน " มึงก็โกหกเอาแบบหน้าด้านๆ

สรุปแล้วก็คือคำว่า คิดดี พูดดี ทำดี อยู่ในคำนี้ทั้งหมด เพราะสรรพสิ่งมันคือสิ่งเดียวกัน ถ้าเข้าใจถึงที่สุด

ตอนนี้อยากจะเรียก "ไอ้ควาย ช." เสียแล้ว  

"คิดดี พูดดี ทำดี" มันมีระดับของอยู่ด้วย  พูดง่ายๆ ว่า มันต้องมีหัวข้อธรรมะที่ต้องปฏิบัติอีกมากมายมหาศาล 

มึงสอนให้ "คิดดี พูดดี ทำดี" อย่างที่มึงสอนอยู่นี้  สมมุติว่า สาวกมึงไม่หมดตัวเพราะมึงหลอกแดกเสียก่อน  มันก็ได้แค่สวรรค์เท่านั้น  ไปนิพพานไม่ได้

แต่สาวกของมึงนั้น  มันไม่แค่หมดตัวหรอก มันจะตกนรกด้วย เพราะ ความที่ไปเชื่อมึงนี่แหละ

ใครที่เคยพูดว่า ฅนธรรมดา สอนนิพพานชาตินี้ไม่ถูกต้อง มันต้องมีมรรค ๘ ต้องมีอริยสัจ ๔ ต้องทำตามพุทธวจนเท่านั้นจึงจะนิพพานได้ ถ้าไม่สอนเรื่องอริยสัจ ๔ มรรคมีองค์มีเอว ๘ อย่าง นิพพานไม่ได้ดอก

ว่ากันไปนั่นเลยตามประสาคนเจ้าตำรา

แต่กูคือ ฅนธรรมดา ไม่ได้เรียน ไม่ได้ท่องจำจากตำรา จึงไม่พูดไม่สอนตามแนวทางปริยัติธรรมเปรียญธรรม ให้มันยุ่งยากวุ่นวาย

แต่กูเรียนรู้มาด้วยวิถีธรรมทางจิต อภิญญารู้แจ้งเหนือสมมุติมายา จึงสอนอย่าง กูคือ ฅนธรรมดา นิพพานอย่างฅนธรรมดา

ไม่เอาอริยะ โสดา สกิทาคา อนาคา อรหันต์ เอาแค่เรื่อง..ทำอย่างไรให้พ้นทุกข์จากโลกนี้ได้ตลอดกาล..? ...พอ...จบ ...ว่าง...

มึงจะหลอกประชาชนทั้งที มึงก็น่าจะลงทุนอ่านให้มากกว่านี้สักหน่อย 

การที่มึงว่า "กูเรียนรู้มาด้วยวิถีธรรมทางจิต อภิญญารู้แจ้งเหนือสมมุติมายา" ถ้ามึงเก่งจริงอย่างนั้น มึงยังจะต้องมาขายเสื้อผ้า  หลอกเรี่ยไรเงินประชาชนอยู่อีกหรือ

มึงก็น่าจะแสดงการเหาะเหิรเดินอากาศ หรืออะไรที่มึง "เรียนรู้มาด้วยวิถีธรรมทางจิต อภิญญารู้แจ้งเหนือสมมุติมายา"  เงินทองก็จะไหลมาเทมาแล้ว

การบรรยาย พูด สอน เกี่ยวกับความพ้นทุกข์ "นิพพานชาตินี้" จึงไม่มุ่งเน้นเอาเรื่องทาน ศีล สมาธิ ซึ่งเป็นสะเก็ด เปลือก กระพี้ มาสอนอีก ให้ซ้ำซ้อนกับบุคคลอื่นที่เขียนตำรา และเปิดสำนักสอน อบรม กันอยู่แล้วเต็มบ้านเต็มเมือง

ไอ้ควาย ช.  การที่คนอื่น สอนซ้ำ สอนซากในเรื่องหัวข้อธรรมะสำคัญๆ เช่น มรรค 8 นั้น  ไม่ใช่เหตุผลที่มึงจะ "ไม่กล่าวถึง" หัวข้อธรรมะเหล่านั้น

มึงต้องกล่าวถึง  แต่มึงก็อย่ากล่าว อย่าสอนให้ซ้ำซากอย่างที่มึงว่าก็แล้วกัน

อันที่จริงเลยนั้น  "มึงไม่รู้" แต่มึงไม่ใส่ใจการในการศึกษาค้นคว้า อยากจะหลอกแดกประชาชนเอาง่ายๆ 

มึงก็เลยอ้างไปอย่างนั้น

กูคือ ฅนธรรมดา มุ่งเน้นเฉพาะเรื่องประเด็นสำคัญ ตรงสาเหตุที่สิทธัตถะออกบวช เพราะมองเห็นเทวทูตทั้ง ๔ คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นความทุกข์ จึงสละราชสมบัติ ออกแสวงหาวิธีการที่จะดับทุกข์ให้สัตว์โลก

และวิธีการดับทุกข์ตลอดกาล ตามวิธีการของพระพุทธเจ้า ก็คือ ตัดขันธ์ ๕ ตัวเดียวนิพพานได้

ไอ้ควาย ช.  หัวข้อธรรมะที่มึงบอกว่า "ไม่สำคัญ" นั้น  พระพุทธเจ้าทรงสอนเอง และพระองค์ท่านว่า "สำคัญ"

กูคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดาอยากจะบอกกับมึงว่า "อยากหลอกคนก็ลงทุนศึกษาให้มันมากกว่านี้"

มึงมีปัญญา มีความรู้อยู่แค่นี้  คนเขาฟังมึง ครั้ง 2 ครั้ง เขาก็หนีมึงกันหมด..





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น