ท่าน ช. นิพพานชาตินี้เปลี่ยนไป๋

ผมวิพากษ์วิจารณ์ ท่าน ช. นิพพานชาตินี้กันเถอะไว้ 8 บทความ แล้วผมก็ไปวิพากษ์วิจารณ์ "เหยื่อ" รายอื่นๆ ต่อไป

คำว่า "เหยื่อ" นั้นหมายถึงว่า ผมพิจารณาแล้วว่า "สอนผิด" บ้าง "โกหก" บ้าง "เอาศาสนามหากิน" บ้าง  ทำนองนั้น

ที่ผมทำแบบนั้น เป็นเพราะ ผมต้องการให้ความรู้ความจริงเกี่ยวกับศาสนาพุทธที่ถูกต้อง

เมื่อเห็นว่า สิ่งไหนผิด สิ่งไหนไม่ถูก สิ่งไหนโกหก สิ่งไหนหลอกลวง มันก็ต้องเอามาเผยแพร่ให้รู้กันโดยทั่วไป

ในช่วงนี้ ขณะที่ค้นหาความรู้อยู่ นึกถึง ท่าน ช. นิพพานชาตินี้กันเถอะขึ้นมาได้ จึงลองค้นด้วย google ดู

ผลปรากฏออกมาว่า "ท่าน ช. นิพพานชาตินี้กันเถอะเปลี่ยนไป๋"  แต่ไม่ได้กลับตัวกลับตัวเป็นคนดีหรอก ยังหลอกลวงประชาชนเหมือนกัน  ด้วยวิธีการหลากหลายขึ้น

การเปลี่ยนไปประการแรก

จากภาพด้านบน "ท่าน ช. นิพพานชาตินี้กันเถอะ", "จิตปฐม คนธรรมดา", "กูคือ คนธรรมดา"  [ไอ้ท่าน ช. มันใช้ชื่อหลายชื่อมาก] ขายของเสียแล้ว

ไอ้ท่าน ช. มึงว่ามึงจะไม่เกิดอีกแล้วในชาตินี้  ถามจริง แล้วมึงจะมาขายของอย่างนี้ทำไม น้ำผึ้งก็ขาย ไอ้ห่า.......... เสียภาพลักษณ์หมด

หรือว่า หมดมุขที่จะหลอกประชาชนแบบเอาเงินมาฟรีๆ  ก็ต้องหาของมาขายเพื่อแลกเงิน

การเปลี่ยนไปประการที่สอง

ท่าน ช. นิพพานชาตินี้แน่ๆ ของมันเอง เรี่ยไรเอาดื้อๆ

ท่านผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการร่วมบริจาคค่าใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับฅนธรรมดาเผยแผ่ความรู้พัฒนาจิตสู่ความพ้นทุกข์ แก่ เจ็บ ตาย ชาติสุดท้าย สู่จิตพี่น้องในโลกนี้

ก็ขออนุโมทนายินดีเป็นอย่างยิ่งมา ณ ที่นี้ ธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัลพระราม 3 นายพงศ์พัฒน์ สีชุ่มใจ บัญชีสะสมทรัพย์ เลขที่ xxx - x - xxxxx - x

ผมก็ไม่ว่า เมื่อก่อนท่าน ช. นิพพานชาตินี้แน่ๆ ของมันเอง เรี่ยไรแบบนี้หรือเปล่า  แต่การขอเงินดื้อๆ แบบนี้ แสดงว่า  ท่าน ช. ถึงขาลงแบบสุดๆ กันแล้ว

หมดทางหากินกันแล้วว่าอย่างนั้นเถอะ

การเปลี่ยนไปประการที่สาม

ท่าน ช. ประกาศวางไมค์ทองคำเสียแล้ว 


นี่ก็แสดงว่า  การหลอกลวงของ ท่าน ช. มาถึงบทสุดท้ายแล้ว  คงหลอกใคร เกณฑ์ใครให้มาฟังอีกไม่ได้แล้ว 

ก็จึงประกาศเรียกแขกออกมาถึงขนาดนั้น

การเปลี่ยนไปประการที่สี่

ท่าน ช. พยายามพัฒนาการหลอกลวงขึ้นไปอีก  ขอให้ดูขอมูลเก่าที่ผมวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้ว  ขอบอกก่อนว่า ข้อมูลส่วนนั้นถูกลบไปแล้ว

ผมได้เขียนไว้ในบทความ "ข่าวสารถึงพุทธะทั้งหลาย"  ไว้ดังนี้

ท่าน ช. หลอกแดกประชาชน ได้เขียนเรื่อง “ข่าวสารถึงพุทธะทั้งหลาย” ไว้ดังนี้

ข้าพเจ้าในนามสมมุติว่า ท่าน ช เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เหมือนกับคนทุกคนบนโลกใบนี้ และมีความรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนาตามตำราน้อยมาก

จากหนังสือประวัติหลวงปู่ปานวัดบางนมโค ที่เขียนโดยหลวงปู่ฤาษีลิงดำวัดท่าซุงเพียงเล่มเดียว ที่สามารถพลิกจิตทำให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสรู้จักคำว่า นิพพาน และรู้จักพระพุทธเจ้าผู้เป็นต้นพระวงศ์แห่งจิตนิพพาน “ปฐมบรมศาสดา”

พระองค์เป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกของโลกของจักรวาล ซึ่งไม่มีต้นแบบการปฏิบัติตามมาก่อน เป็นเหตุให้พระองค์ต้องบำเพ็ญความดีด้วยกำลังใจอันสูงส่งยิ่งนัก และใช้เวลาในการสั่งสมความดีด้วยความอดทน และมีความเพียรเป็นหัวใจแห่งการปฏิบัติอันยาวนาน

เพื่อเป็นต้นแบบแห่งพุทธะ ทำหน้าที่รื้อสัตว์ขนสัตว์ (แนะนำพร่ำสอนถึงวิธีชำระจิตให้ละบาปลอยบุญ) ออกจากทะเลแห่งความทุกข์ สืบมาจนถึงทุกวันนี้

ในเว็บไซต์ของ ท่าน ช. หน้าเว็บชื่อ "นิพพาน"  ไอ้ท่าน ช. นี่ไม่กล่าวถึง "หลวงพ่อปาน", "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" อีกแล้ว  แต่ไปอ้างถึงพระพุทธเจ้าโดยตรงเลย

บอกไว้ก่อนว่า เป็นการอ้างที่พากันลงนรกลึกไปอีก ของ ท่าน ช. กับคณะของท่าน

ผมคิดว่า ผมรู้สาเหตุถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว   การที่ ท่าน ช. ไปอ้างถึง "หลวงพ่อปาน", "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" เพื่อต้องการอ้างอิงถึง "สมเด็จองค์ปฐม" นั้น  มันเป็นหลักฐานที่อ่อนมาก เป็นจุดอ่อนที่สุด

ผมก็โจมตีไปแล้วว่า "มึงไปขโมยอาจารย์ของเขามา"

มันจะอ้างได้อย่างไรว่า  ไม่เคยพบ ไม่เคยเรียน แต่ไปอ่านหนังสือแล้ว "ฟินเหลือเกิน"  ฟินจนเกิดอภิญญา จะเข้านิพพานกันเลยทีเดียว

คนที่เชื่อมันก็สมองหมา ปัญญาควายกันจริงๆ

แต่คนที่ไม่เชื่อ และวิพากษ์วิจารณ์กลับเช่นผม คงมีมาก  ท่าน ช. ก็ต้องพัฒนาการหลอกลวงขึ้นไปอีก  แต่ก็ไม่รอดครับ

ข้อให้ดูข้อความนี้ เปรียบเทียบข้อความเก่าด้านบน

องค์ราชาสิทธัตถะจึงตัดสินพระทัยด้วยความเด็ดเดี่ยวเสด็จออกจากเมือง ยอมสละราชสมบัติ  พระมเหสี และพระราชโอรส โดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย และมิได้คิดปรึกษาผู้ใดในการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้

พระองค์เดินทางออกจากเมืองสู่ป่า เพื่อเสาะแสวงหาความรู้สู่ความหลุดพ้นโลก (โมกขธรรม) ออกจากทะเลแห่งความทุกข์ตลอดกาล...

หลังจากที่ทรงดำเนินขั้นตอนแห่งการเสาะแสวงหาความเข้าใจ (บรรลุ) รู้แจ้งโลกว่า ทำอย่างไรจึงจะพ้นทุกข์

พระองค์ทรงทดลองทำตามวิธีการของพวกพราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลายในสมัยนั้นยุคนั้นที่เชื่อกันว่า ทำอย่างนี้สิ ทำอย่างนั้นสิ จึงจะบรรลุอรหันต์

พระองค์ทรงดำรงตนอยู่ในฐานะเช่นคนธรรมดา ทรงทดสอบ ทดลอง ทรมานตนหลากหลายสารพัดวิธีการต่างๆ นานา มี อดมื้อกินมื้อ อดหลายมื้อกินมื้อ เป็นต้น ก็ยังทรงมิได้บรรลุรู้แจ้งโลกแต่ประการใด

จวบจนวันเวลาล่วงเลยผ่านไปนานนับได้ 6 ปี พระองค์จึงได้เข้าสู่สภาวะจิตรู้แจ้งโลก ที่ภาษาของมนุษย์ทั่ว ๆ ไปเรียกว่า "ตรัสรู้" หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ"

แต่สำหรับความรู้แห่งกูคือ ฅนธรรมดา ขอเรียกอย่างง่าย ๆ อย่างคนไทย ๆ ว่า "รู้แจ้งโลก"

หลังจากนั้นเป็นต้นมา พระองค์ทรงทำหน้าที่ศาสดาสอนสั่งมนุษย์ผู้ปรารถนาความพ้นทุกข์อีกเป็นเวลานานถึง 45 ปีเต็ม จึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน คือ ดับทั้งกายดับทั้งจิต ว่างเปล่าตลอดกาล...

กูคือ ฅนธรรมดา ขอนำท่านผู้อ่านเข้าสู่ ความรู้สู่ความพ้นทุกข์ ในรูปแบบการเผยแผ่ความรู้สู่ความพ้นทุกข์อย่างง่าย ๆ ลัด ๆ สั้น ๆ ตามแบบฉบับของกูคือ ฅนธรรมดา "นิพพานชาตินี้กันเถอะ"

คำพูดประโยคนี้ แค่เป็นสื่อสมมุติให้คนสนใจเรื่อง "นิพพาน” การนึก หรือพูดคำว่า นิพพาน เมื่อไหร่ ก็ถือว่าท่านกำลังระลึกนึกถึงนิพพานเป็นอารมณ์ (อุปสมานุสติกรรมฐาน)

จะเห็นได้ว่า  ไอ้ท่าน ช. นี่ ไม่กล่าวถึง "หลวงพ่อปาน", "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" ในการโกหกหลอกลวงชุดใหม่ของมัน  มันไปอ้างถึงพระพุทธเจ้าอย่างเดียว

อย่างไรก็ดี  ไอ้ท่าน ช. นี่มันคงเป็นควายนรกมาเกิด  มันไม่ฉลาดเท่าไหร่นัก  แต่มันกล้าหลอกลวงประชาชน 

การหลอกลวงของมัน จึงไม่แนบเนียนพอ  มีจุดอ่อนมากมาย ผมจะได้นำมาเสนอต่อไป..




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น