ท่าน ช ตุ๊ดแตก [02]



วันนี้มาวิพากษ์วิจารณ์ ท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชนกันต่อ

แล้วไอ้คนที่พูดว่า ไอ้ ช มันมั่ว มึงก็มั่วกว่าอีก เพราะ มึงไม่ได้เข้าใจอะไรเลยในหลักของกรรม

กฎเกณฑ์ของกรรม กฎเกณฑ์ของธรรมชาติ หลักของความเป็นจริงว่า สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม


ตรงนี้ ผมไม่เข้าใจว่า ท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชนจะรู้ว่า ผมเป็นคนวิพากษ์วิจารณ์ท่านหรือเปล่า 

ผมว่าสาวกคงไปบอกเพียงว่า “มีคนวิพากษ์วิจารณ์” แต่คงไม่ได้บอกว่าเป็นใคร

ผมเป็นวิทยากรสอนปฏิบัติธรรม  เรียนจบปริญญาเอก เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เป็นนักวิจัยของประเทศ

ส่วน ท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชน ชื่อ นายพงศ์พัฒน์  สีชุ่มใจ  จบ. ป. 6 แล้วก็เรียนกศน. เทียบเท่า ม.ศ. 3 ทำงานแล้วก็ไปบวชอยู่พักหนึ่ง คิดว่าประมาณ 5 พรรษา ก็ออกมาสร้างความบ้าๆ บอๆ ให้กับศาสนาพุทธ

ถามจริง ใครเข้าใจหลักของกรรมมากกว่ากัน

ตัวเองที่พูดอยู่นั้น ก็ถูกกรรมกำหนดให้พูด แล้วยับยั้งไม่ทัน

ตีนตนเองมี จะเดินไปทางไหนไม่ระวังตีนตัวเอง จะเหยียบย่ำอะไรบ้าง ที่เรียกว่า วจีกรรม มโนกรรม ไม่สนใจว่า ตนเองจะสร้างมโนกรรม

ผมสงสัยว่า ตอนที่พูดนี้ ท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชนก้มดูตีนตัวเองหรือเปล่า

แต่เสือกระยำไปมองตีนชาวบ้านว่า ชาวบ้านเขาจะไปเหยียบอะไรบ้าง จะตกนรกหมกไหม้อะไร

ไอ้ ช มันสอนผิดเพี้ยน มันเป็นภาคมาร มันทำลายพระพุทธศาสนา มันเอาโน่น เอานี่มายำ ปู้ยี่ปู้ยำ เป็นห่วงศาสนาอย่างนั้นเรอะ

ผมขอยืนยันว่า ผมไม่เคยมองตีนท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชนเลย เพราะ ไม่เคยเห็นตัวจริงกัน 

ถ้าพวกเจ้าเป็นห่วงศาสนาจริงๆ ก็รวบรวมสมัครพรรคพวกให้ทำการสังคายนาธรรมวินัยให้ถูกต้องซิ อันไหนเป็นข้ออ้างของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชำระมัน ให้ถูกต้องซิ

ตรงนี้ท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชนเลยไปไม่เป็นแล้ว

การที่ท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชน ออกมาสอนพุทธศาสนิกชนผิดๆ เพี้ยนๆ นั้น  แล้วมีนักวิชาการมาวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นเรื่องปกติ

ท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชนก็ต้องออกมาอธิบายให้เหตุผลที่ถูกต้อง ไม่ใช่ยุให้ไปสังคนาธรรมวินัย

สงสัย ไอ้ท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชน มันบ้า ไปแล้ว

ภิกษุสงฆ์องค์ไหนรูปไหนที่มันต้องอาบัติ มันละเมิดแล้ว ละเมิดอีก เป็นยิ่งกว่ามหาโจรก็ขับไล่มันไปซิ

นั่นแหละถึงจะได้ชื่อว่า พวกเจ้าเป็นพุทธบริษัทสี่ที่ถูกต้อง เคารพในธรรมวินัยยิ่งกว่าชีวิต 

นั่นแหละ ชื่อว่าพวกเจ้าศรัทธา ในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างสุดหัวใจ รักษาธรรมวินัยยิ่งกว่าชีวิต

 ไม่ใช่ไปเที่ยวละเมิดกฎเกณฑ์ ไปยุ่งกะเรื่องคนอื่นเขา ที่เขาทำหน้าที่ในแต่ละหน้าที่ๆๆ

อ้าว ท่าน ช ไปเกี่ยวอะไรกับพระต้องอาบัติ พระเลว มันเป็นเรื่องของพระต้องจัดการกันเอง เป็นเรื่องของเถรสมาคม เป็นเรื่องของกฎหมายบ้านเมือง

ท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชน ก็เคยบวชพระอยู่ น่าจะเข้าใจ

สุดท้าย ก็ไม่รู้วาระของตนเองว่า อะไรควรทำและ ไม่ควรทำ

นี่นะเหรอที่เรียกตนเองว่า พุทธะ พุทธะแปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ไม่ใช่หรือ หรือแปลความหมายพุทธะแปลว่า ผู้โง่เง่าเต่าตุ่น พวกเจ้าทั้งหลาย

ไอ้ ท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชนนี่ มันคงจะไม่รู้ว่าการเป็นนักวิชาการเป็นอย่างไร  ก็มันเรียนจบ ม.ศ. 3 กศน.

นักวิชาการเขามีอาชีพในการวิพากษ์วิจารณ์เพื่อให้สังคมดีขึ้น  แล้วผมเป็นอุบาสก ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันพระศาสนา เพราะ พระพุทธเจ้าทรงฝากศาสนาไว้กับบริษัท 4 คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา 

ผมก็ทำหน้าที่ของผม  ท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชนว่าท่านสอนถูกตามหลักพระไตรปิฎกท่านก็เอาเหตุผลของท่านมาสนับสนุน

โดนวิพากษ์วิจารณ์เข้าหน่อยตีโพยตีพาย  แล้วมันจะสอนคนให้ไปนิพพานชาตินี้ได้อย่างไร

พอดีไปค้นที่มาของความรู้ของไอ้บ้านี้ได้ จึงเอามาเผยแพร่ด้วย โดยเอามาจาก “ก่อนจะเป็นท่าน ช

ในพรรษาที่ 4 เดือนพฤศจิกายน 2549 เริ่ม ลงมือก่อสร้างสถานที่...บ้านสวนม๋วนใจ๋ จวบจนเข้าพรรษาในเดือนกรกฏาคม 2550

เริ่มต้นจากจิตกายทิพย์พระบรมบิดา มาปรากฏในนาม พรหมหลวงปู่แหวน เพื่อสอนสั่งให้มีความเด็ดเดี่ยว อดทน กล้าหาญ มีสติปัญญา ให้จิตหลุดพ้นจากพันธนาการของโลกได้อย่างสิ้นเชิง

ตลอดเวลาพระองค์เรียกข้าพเจ้า พระพงศ์พัฒน์ว่า..ไอ้สัตว์นรก ไอ้พงศ์พัฒน์ ไอ้ควาย ไอ้ลูกเนรคุณ ไอ้ลูกหลงตัวหลงตนจนหลงโลก

พระองค์เรียกข้าพเจ้าในขณะนั้นอย่างนี้ตลอดเวลา และทุกเช้าจะให้วิ่งรอบๆ สวน รอบๆ ศาลา พร้อมกับกระโกนออกเสียงดังๆ เพื่อให้จิตเรา จิตชาวบ้านละแวกนั้นได้ยินด้วยทุกครั้งว่า

ไอ้พงศ์พัฒน์ ไอ้ควาย ไอ้สัตว์นรก มึงจะเกิดอีกไหม มึงจะไปนรกอีกไหม มึงจะตายชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายไหม มึงยังจะยึดติดในพันธการของโลก ของสิ่งสมมุติโลกอยู่อีกไหม..ไอ้พงศ์พัฒน์..ๆๆๆๆ

...วันแล้ววันเล่า ทำอยู่ตลอดวันเป็นเดือน จนกระทั่งจิตไม่หลงติดในโลกธรรม ข้อที่เคยกังวลจิตคิดว่า ชาวบ้านจะหาว่าเราบ้า เพี้ยนหรือเปล่าวะ...แล้วใครจะศรัทธา ใครจะเอาข้าวให้เรากิน...


ผมว่า ท่าน ช ชั่ว มั่วหลอกแดกประชาชน มันบ้าพอๆ กันกับพระเกษม แห่งวัดป่าสามแยก เพชรบูรณ์ เลยทีเดียว............






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น