ท่าน
ช. หลอกแดกประชาชน ได้เขียนเรื่อง “ข่าวสารถึงพุทธะทั้งหลาย”
ไว้ดังนี้
ข้าพเจ้าในนามสมมุติว่า ท่าน ช เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง
เหมือนกับคนทุกคนบนโลกใบนี้ และมีความรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนาตามตำราน้อยมาก
จากหนังสือประวัติหลวงปู่ปานวัดบางนมโค
ที่เขียนโดยหลวงปู่ฤาษีลิงดำวัดท่าซุงเพียงเล่มเดียว
ที่สามารถพลิกจิตทำให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสรู้จักคำว่า นิพพาน
และรู้จักพระพุทธเจ้าผู้เป็นต้นพระวงศ์แห่งจิตนิพพาน
“ปฐมบรมศาสดา” พระองค์เป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกของโลกของจักรวาล
ซึ่งไม่มีต้นแบบการปฏิบัติตามมาก่อน
เป็นเหตุให้พระองค์ต้องบำเพ็ญความดีด้วยกำลังใจอันสูงส่งยิ่งนัก
และใช้เวลาในการสั่งสมความดีด้วยความอดทน
และมีความเพียรเป็นหัวใจแห่งการปฏิบัติอันยาวนาน
เพื่อเป็นต้นแบบแห่งพุทธะ ทำหน้าที่รื้อสัตว์ขนสัตว์ (แนะนำพร่ำสอนถึงวิธีชำระจิตให้ละบาปลอยบุญ)
ออกจากทะเลแห่งความทุกข์ สืบมาจนถึงทุกวันนี้
|
ท่าน
ช. หลอกแดกประชาชนท่านนี้ เริ่มต้นก็โกหกแล้ว
ผมขอยืนยัน
นั่งยัน นอนยันเลยว่า ท่าน ช. หลอกแดกประชาชนไม่เคยพบ “พระพุทธเจ้าองค์แรก” อย่างแน่นอน ท่านก็มั่วของท่านไป เพื่อหลอกประชาชนเท่านั้น
จิตของข้าพเจ้าจึงเกิดความรักเคารพ
ศรัทธาต่อความดีอันยิ่งใหญ่ของ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย และเชื่อมั่น ศรัทธา
ต่อความดีของหลวงปู่ฤาษีลิงดำมาโดยตลอด
ถึงแม้จะไม่เคยไปพบตัวจริงของหลวงปู่แม้แต่ครั้งเดียว
|
อ้าว.....ตายโหง
ตายห่า ตายกระเทียม เอาวิชาของฤาษีลิงดำมาหลอกประชาชน
แต่ไม่เคยเป็นศิษย์ของท่านเลย ไม่เคยพบ ไม่เคยเรียน
โอย.......
โกหกเอาหน้าด้านๆ เลยวุ้ย.......
เพราะท่านนิพพานทั้งกายทั้งจิตไปตั้งแต่ปี ๒๕๓๕
ข้าพเจ้าเริ่มต้นปฏิบัติตามตำราของหลวงปู่
ด้วยวิธีการตั้งจิตเชื่อมั่นในความดีของตนเอง
เริ่มตั้งจิตปรารถนานิพพานชาตินี้ มองเห็นความแก่ เจ็บ ตาย
เป็นทุกข์ ไม่ปรารถนาที่จะกลับมาเกิดอีกต่อไป
ชาตินี้เมื่อถึงอายุขัยถึงวันตายเมื่อใด
ขอไปอยู่กับพระพุทธเจ้าองค์ปฐมพร้อมพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ทันที
|
อันนี้ก็โกหกชัดๆ การจะไปนิพพานได้ต้องผ่านวิชชา 3
ไม่ใช่นึกอยากจะไปก็ตั้งจิตปรารถนาไป อย่างนั้น ใครก็ไปนิพพานกันได้หมด
โกหกเอาดื้อๆ เพราะ พระพุทธเจ้าก็ทรงสอนว่า
พระองค์ตรัสรู้ด้วยวิชชา 3 ท่าน ช.
หลอกแดกประชาชน ถ้าจะไปนิพพานก็ต้องไปด้วยวิชชา 3
ในทุกๆ วันข้าพเจ้าจะตั้งจิตอธิษฐาน
กลับคืนสู่แดนทิพย์นิพพานเช้ากับก่อนนอน
และรักษาอารมณ์ด้วยการรับรู้ลมหายใจเข้า –ออก พร้อมภาวนากำกับว่า
พุท -โธ บางครั้งเอาจิตนึกถึงภาพพระพุทธเจ้าองค์ปฐมสลับกันกับการภาวนาพุท-โธ
|
เอามั่วกันเข้าไป
แล้วมันจะไปนิพพานได้อย่างไร พุทโธก็พุทโธ นะมะพะทะก็นะมะพะทะ เอามาผสมกันเพื่อหลอกแดกประชาชนเท่านั้น
มันเป็นไปไม่ได้
ที่จะเอาวิชาของแต่ละสายมาผสมกันมั่วๆ แบบนี้
หลังจากเวลาผ่านไปนานถึง ๖ ปี
ข้าพเจ้าก็ยังไม่ได้อภิญญาสมาบัติใดๆ ทั้งสิ้น แต่จิตยังมั่นคงต่อการทำความดีอย่างต่อเนื่อง
และตั้งจิตให้ขึ้นตรงต่อสมเด็จพ่อองค์ปฐม
พร้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
ผลที่ได้รับก็คือจิตเชื่อมไปถึงจิตพระองค์อย่างไม่รู้ตัว
ดูจิตรู้ด้วยจิตตนเองว่า มีกำลังใจเข้มแข็ง กล้าหาญ อดทน
มีสติปัญญาเพิ่มขึ้น ข้าพเจ้าได้พร่ำสอนผู้คนทั้งหลาย ด้วยวิธีการเดียวกันตลอดมา
|
ไม่ได้วิชชาใดๆ
แต่อ้างว่า “จิตเชื่อมไปถึงจิตพระองค์อย่างไม่รู้ตัว” มันจะไม่มั่วไปหน่อยหรือ
เชื่อมแบบเชื่อมกล้วย
หรือเชื่อมเหล็กล่ะ ท่าน ชชชชชชชชชชชชชชชชช....
จนกระทั่งวันหนึ่ง
ได้มีสัญญาณเสียงจากจิตกายทิพย์ของพรหมองค์หนึ่ง บอกว่าเป็นหลวงปู่แหวน
และฝึกสอนความรู้ทางด้านจิตทิพย์แก่ข้าพเจ้าอย่างละเอียด
พร้อมสอนให้ใช้สติและปัญญาที่ละเอียดสูงสุด
รู้ในรู้ รู้ได้ในทุกเรื่องไม่มีขีดจำกัด ทั้งเรื่องอดีต
ปัจจุบันและเรื่องของอนาคต
|
หลวงปู่แหวนเป็นเทวดา
อยู่สวรรค์ชั้น 1 ไม่ใช่เป็นพรหม
แล้วก็โคตรมั่วที่ว่า “จิตเชื่อมไปถึงจิตพระองค์อย่างไม่รู้ตัว”
แล้วทำไมจะต้องให้ “พรหม” มาสอนด้วย
ทำไมไม่เรียนกับพระพุทธองค์เสียเลย
ก็จิตเชื่อมถึงท่านแล้ว
อันที่จริง
“จิตเชื่อม”
นี่มันไม่มีในหลักของศาสนาพุทธ
รู้ในหลักหัวใจแห่งพุทธะ มีสติปัญญาเพื่อความหลุดพ้น
เมื่อผ่านพ้นการฝึกจิตตามขั้นตอนแล้วจึงได้รู้ว่า
กายทิพย์ของพรหมผู้มาทำหน้าที่ฝึกสอนข้าพเจ้า แท้จริงก็คือ
จิตกายทิพย์พระผู้เป็นเจ้า (พระบรมบิดา) ผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดบนแดนทิพย์ทั้งปวง
พระองค์ทรงโปรดเมตตาประทานความรู้ที่ยิ่งใหญ่เหนือโลกไม่มีขีดจำกัด...
เพื่อมอบหมายงานให้ข้าพเจ้าทำหน้าที่เป็นชาติสุดท้าย...
|
อ้าว......
ไปกันใหญ่แล้ว “กายทิพย์ของพรหมผู้มาทำหน้าที่ฝึกสอนข้าพเจ้า
แท้จริงก็คือ จิตกายทิพย์พระผู้เป็นเจ้า (พระบรมบิดา)”
นี่มันบ้าแล้ว......
คำว่า
“พระผู้เป็นเจ้า” นั้น
เป็นคำในศาสนาคริสต์ หมายถึง พระบิดาของพระเยซู
คำในศาสนาพุทธมีคำว่า “พระเจ้า”
ซึ่งหมายถึง พระพุทธเจ้าทั้งหมด แต่คำนี้ หลังๆ ไม่ค่อยมีคนใช้กัน
ข้าพเจ้าทำหน้าที่ในนามของ ศูนย์กลางการเรียนรู้เรื่องจิต
สติและปัญญาขั้นสูงสุด มีนามสมมุติเรียกขานว่า ช พร้อมคณะผู้มีสติปัญญาทุกท่าน
ขันอาสาตั้งจิตร่วมทำหน้าที่ช่วยกันเผยแผ่สัญญาณความรู้จากพระบรมบิดา
พร้อมจิตบริสุทธิ์อดีตพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๙๐๐,๒๒๓
พระองค์
|
ท่าน
ช. หลอกแดกประชาชนไม่มีความรู้ในทางปริยัติ
ปฏิบัติก็มั่ว ไม่ได้อะไร
ท่านฝันกลางวันไปว่า
จิตเชื่อมกับพรหมมั่ง กายทิพย์มั่ง
แล้วท่านจะเป็นศูนย์กลางในเรื่องสำคัญทางศาสนาได้อย่างไร
คนเชื่อท่าน
ช... มันก็ควายจริงๆ
ปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่า...ตำราฉบับย่อเล่มนี้
จักเป็นประโยชน์สูงสุด ในการจุดประกายแก่จิตของท่านผู้ทรงความดีทั้งหลาย
ที่มีโอกาสได้อ่าน
และจงจดจำไว้ว่า ข้าพเจ้าไม่ใช่พระอรหันต์ ไม่ใช่พระอริยะ
เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ต้องการเวียนว่ายตายเกิดอีกแล้ว
และไม่เคยสอนใครให้สนใจคำว่า โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์...
ท่านผู้ใดเข้าใจในพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า (พระบรมบิดา)
ที่ถ่ายทอดสัญญาณความรู้สู่ความพ้นทุกข์ลงมาในยุคนี้เวลานี้
ท่านผู้ใดเข้าใจในความปรารถนาดีของเจ้าชายสิทธัตถะ
ที่เสียสละความยิ่งใหญ่แห่งการเป็นกษัตริย์
ออกบวชจนกระทั่ง...ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่ออะไร...กัน
และถ้าเข้าใจในเจตนาของผู้เขียนตำรา
ก็จงหยิบยกเอาไปปฏิบัติตามดูก่อน ตามหลักความจริงของพระพุทธเจ้าที่ทรงตรัสไว้ว่า
“..เห็นอะไร รู้อะไร ก็จงอย่าพึ่งเชื่อ
แต่จงใช้สติปัญญาคิดพิจารณาตรองดู ปฏิบัติตามดู จนแน่ใจด้วยเหตุและผลดีแล้ว
จึงค่อยเชื่อ..”
|
ใครเชื่อท่าน
ช. หลอกแดกประชาชนผู้นี้ ผมขอยืนยันว่า “สวรรค์”
ไม่มีทางได้ไปหรอก อบายภูมิเท่านั้นเป็นจุดหมายปลายทาง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น